ทำความเข้าใจเกี่ยวกับล้อรถจักรยานยนต์

ล้อรถจักรยานยนต์

หากรองเท้าเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสนใจและใส่ใจเป็นอย่างมากแล้วนั้น… “ล้อรถ” ก็เป็นสิ่งที่ต้องดูแลมากเช่นกัน เพราะหากล้อไม่ดี เลือกไม่เหมาะหรือดูแลได้ไม่ดีพอก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่ได้ในอนาคตครับ วันนี้เราจะมาพาทุกๆ ท่านไป “ทำความเข้าใจเกี่ยวกับล้อรถจักรยานยนต์” ซึ่งเป็นรถที่เรามักจะใช้งานบ่อยมากๆ เลยหล่ะครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราไปชมกันดีกว่าครับ

ความสำคัญของล้อรถจักรยานยนต์

ส่วนของล้อรถจักรยานยนต์ เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการเคลื่อนที่ของรถ เพราะล้อและยางรถจะทำหน้าที่ในการรองรับน้ำหนักในการเคลื่อนที่ไปยังสถานที่ต่างๆ  ให้กับเราดังนั้นจะต้องมีการตรวจเช็คสภาพให้ดีที่สุด ซึ่งเราสามารถกล่าวเป็นข้อๆ ได้ดังนี้

การตรวจสอบลมยาง ลมยางจะค่อยๆ ซึมออกทีละน้อยๆ ตลอดเวลา ดังนั้นการตรวจสอบลมยางอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ ข้อสำคัญของการวัดลมยางคือ ต้องกดเกจ์วัดลมยางกับ “จุ๊บ” สูบลมยางให้แน่น หากลมยางต่ำเกินไปแก้มยางจะมีการบิดเบี้ยวมากทำให้เกิดแรงต้านการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและยังทำให้กินน้ำมัน แต่หากท่านเติมลมยางเติมเกินไปก็จะทำให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นน้อยจนเกินไป ทำให้ดอกยางแนวกลางสึกหรอและยังทำให้การยึดเกาะถนนลดลง ดังนั้นผู้ขับขี่ต้องวัดลมยางเป็นประจำ และการวัดลมยางหลังจากที่ขับขี่มาจะได้ผลไม่ถูกต้อง เพราะหน้ายางที่สัมผัสกับพื้นถนนจะเพิ่มความร้อนให้กับอากาศภายในยาง สำหรับแรงดันลมที่เหมาะสมคือ ล้อหน้า 28 ปอนด์-นิ้ว ล้อหลัง 32  ปอนด์-นิ้ว หรือตามค่าที่ผลิตกำหนด

การตรวจสอบความสึกหรอและความเสียหายของยาง ความเสียหายของดอกยางจะมีผลต่อความสามารถในการเกาะถนน ถ้าดอกยางสึกหรอลงไปเกินกว่า 1 มม. จะมีสัญลักษณ์ที่เป็นมาร์คอยู่ และควรตรวจสอบเช็ครอยถลอก ชำรุด สึกหรอ ถูกของมีคมตำ และความสึกของดอกยางที่เหลือจะต้องตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ นอกจากการใช้งานแล้วการจอดทิ้งไว้ให้ยางถูกน้ำหนักกดลงพื้นตลอดเวลาอาจทำให้แก้มยางแตกเป็นรอยเล็กๆ และมองไม่เห็นมาร์ค

การตรวจสอบวงล้อ ในการขับรถด้วยความเร็วสูงจะมีแรงบิดมากระทำต่อรถในทิศทางต่างๆ ตลอดเวลา และถ้าล้อรถเกิดเบี้ยวไปเพียงเล็กน้อยจะมีผลต่อการบังคับรถ และเกิดอาการสั่นสะท้านขึ้นมาที่แฮนด์

การตรวจสอบล้อแม็ก การตรวจสอบรอยขีดข่วนและรอยชำรุดบนล้อสามารถทำได้ง่ายๆ โดยสังเกตด้วยตา ส่วนการตรวจสอบการบิดของล้อทำได้โดยการใช้มือหมุนล้อแล้ววัดด้วยไดอัลเกจ์ แต่ถ้าไม่มีไดอัลเกจ์ก็สามารถวัดได้ด้วยการใช้ไขควงปากแบนแตะเบาๆ ที่ขอบล้อ แล้วใช้มือหมุนล้อ ถ้าเกิดการสั่นที่ไขควงเกินกว่า 2–3 มม. แสดงถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนล้อแล้ว

การตรวจสอบน็อตของเพลา ขณะเครื่องยนต์ทำงาน การสั่นสะเทือนจะทำให้น็อตทุกตัวหลวมได้ ถ้าขณะขับขี่น็อตเหล่านั้นอาจหลุดตกหล่นหายไป อาจจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ ดังนั้นการขันน็อตให้แน่นจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และการขันน็อตแต่ละหัวหากมีประแจทอร์คขันก็จะดีมาก

ล้อมอเตอร์ไซด์ต้องเติมลมเท่าไหร่ถึงจะดีที่สุด

สำหรับการเติมลมยางมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่ แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ จะมีปริมาณการเติมลมยางที่แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งหมดจะมีการกำหนดเป็นมาตรฐานว่าเหมาะสมที่สุดจากผู้ผลิตมาให้แล้ว ซึ่งหน่วยในการวัดแรงดันลมยางจะใช้หน่วยวัดปริมาณเป็น Bar และ PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) โดยในมอเตอร์ไซค์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ จะมีป้ายหรือสติ๊กเกอร์กำกับไว้ พร้อมกับรายละเอียดไซซ์ของยางที่ติดมากับรถ ซึ่งจะอยู่บริเวณสวิงอาร์ม บังโซ่ หรือใต้เบาะ และจะระบุไว้ 2 ลักษณะ คือ ปริมาณลมยางเมื่อขี่คนเดียว กับแบบมีผู้โดยสารซ้อนท้าย

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “ทำความเข้าใจเกี่ยวกับล้อรถจักรยานยนต์” ที่ได้รวบรวมมาฝากท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านกันนะครับ