เราจะเลือกประกันจักรยานยนต์อย่างไรดี

ประกันมอเตอร์ไซด์

หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ขับขี่จักรยานยนต์ที่ต้องเดินทางเป็นประจำทุกวันแล้วหล่ะก็…การมีประกันติดไว้เป็นอะไรที่อุ่นใจกว่ามากๆ อย่างแน่นอนครับ หลายท่านอาจจะเคยได้ยินได้เห็นผ่านตากันมาอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่เกิดขึ้นอยุ่เป็นประจำ การทำให้อุ่นใจเอาไว้ก่อนย่อมเป็นอะไรที่ดีมากกว่าใช่มั้ยครับ วันนี้เราเลยอยากจะพาไปพบกับวิธีที่ “เราจะเลือกประกันจักรยานยนต์อย่างไรดี”  ให้เหมาะสมกันครับ

ทำความรู้จักกับ “ประกันรถจักรยานยนต์”

ประกันรถมอเตอร์ไซค์ เป็นประกันภาคสมัครใจ ตามกฎหมายเราจะทำหรือไม่ทำก็ได้ ไม่มีความผิด ซึ่งการคุ้มครองจะคุ้มครองเพิ่มเติมจากพ.ร.บ. โดยจะคุ้มครองทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้เอาประกัน โดยวงเงินและขอบเขตการคุ้มครองจะเป็นไปตามประเภทของประกันรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งประเภทของประกันรถมอเตอร์ไซค์ก็จะเหมือนกับประกันภัยรถยนต์ปกติ โดยจะแบ่งเป็นประกันภัยชั้น 1, 2 และ 3

            ข้อดีของประกันรถมอเตอร์ไซค์ คือ จะคุ้มครองในส่วนความเสียหายของรถ ทำให้ไม่ต้องควักเงินเสียค่าซ่อมรถ ซึ่งเป็นส่วนที่พ.ร.บ. ไม่ได้ให้ความคุ้มครอง

ถ้าไม่ทำประกันรถจักรยานยนต์ ตามกฏหมายมีอะไรคุ้มครองบ้างหรือไม่?

ตามกฏหมายแล้วทุกท่านจะมี พ.ร.บ. คุ้มครองในเบื้องต้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุ พ.ร.บ. รถจักรยานยนต์จะให้ความคุ้มครองในเบื้องต้นทันที โดยยังไม่ต้องมีการพิสูจน์ความผิด รวมไปถึงการเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ล้มเอง หรือเฉี่ยวชนกับสิ่งกีดขวางบนท้องถนน ทำให้ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พ.ร.บ. จะให้ความคุ้มครอง ดังนี้

●เบิกค่ารักษาพยาบาลตามค่าใช้จ่ายจริง ในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน

●หากเสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือสูญเสียอวัยวะ จะได้รับเงินชดเชย 35,000 บาทต่อคน

●หากเสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือสูญเสียอวัยวะตามมาภายหลังเข้ารับการรักษา จะได้รับเงินชดเชยสูงสุด 65,000 บาท

ทำไมประกันทั่วๆ ไปไม่ค่อยคุ้มครองจักรยานยนต์

การขับขี่รถจักรยานยนต์ หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ เป็นความเสี่ยงสูง (ประเภท 3) ทำให้หลายๆเจ้ามักไม่จ่าย หรือผลการคุ้มครองต่ำ แต่ไม่จำเป็น ประกันอุบัติเหตุที่จ่ายดีก็มีเช่น ของธนชาติ หรือจะใช้พวก ประกันอุบัติเหตุจำพวกที่แภมมากับ ATM ก็ได้ครับ แต่มันก็ต่ำอยู่ดี สรุปง่ายๆ ก็คือ เสี่ยงเกินไปที่จะคุ้มทุนของประกันนั้นเองครับ

วิธีเลือกประกันจักรยานยนต์ที่เหมาะสม

●เลือกประกันที่มีบริการของอู่ซ่อมที่ได้มาตรฐาน สิ่งที่เป็นพื้นฐานก่อนการเลือกบริษัทประกันภัยรถนั่นก็คือ ตรวจสอบว่าบริษัทนั้นๆ มีบริการของอู่ซ่อมรถที่ได้มาตรฐานหรือไม่ หรือว่ามีอู่ประจำของเราที่อยากซ่อมอยู่ในบริการหรือเปล่า เพราะถ้ามีร้านซ่อมที่เราไว้วางใจก็รับประกันได้ว่า คุณจะไม่ต้องกังวลใจในปัญหาหลังการซ่อม ซึ่งอาจจะทำให้เสียเวลาของตัวเราเอง

●เลือกปรกันที่มีข้อเสนอและเบี้ยประกันคุ้มครองจักรยานยนต์พร้อมกับผู้ขับขี่ ข้อนี้เป็นข้อสำคัญและต้องศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วน นั่นก็คือการนำข้อเสนอและเบี้ยประกันรถยนต์แต่ละที่มาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้เห็นความคุ้มค่ากันแบบชัดๆ ว่าชั้น 1 ชั้น 2 หรือชั้น 3 ของแต่ละที่ บริษัทใดคุ้มครองได้มากกว่า เบี้ยประกันต่ำกว่า นอกจากนี้ อาจดูว่าที่ใดผ่อนได้ ผ่อนไม่ได้ ดอกเบี้ยผ่อนกี่เปอร์เซ็น หรือผ่อนได้ 0% และผ่อนได้นานสูงสุดกี่เดือน ลองใช้คำถามเหล่านี้เป็นเกณฑ์ในการเลือกดูนะครับ

แนวทางการเตรียมตัว เคลมประกันมอเตอร์ไซด์

หากรถมอเตอร์ไซค์เกิดอุบัติเหตุ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินเรื่องการเคลมรถมอเตอร์ไซค์ โดยเตรียมเอกสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ เล่มทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์, สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของรถ, ใบขับขี่, สำเนากรมธรม์ประกันภัย, ภาพถ่ายความเสียหาย จากนั้นเจ้าหน้าที่จะมาประเมินความเสียหายและออกใบเคลมสำหรับนำเข้าศูนย์ซ่อม ให้เราเก็บใบเสร็จ และใบรับรถไว้เป็นหลักฐานสำหรับวันที่มารับรถมอเตอร์ไซค์ที่ซ่อมเสร็จแล้วนั้นเองครับ

และนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “เราจะเลือกประกันจักรยานยนต์อย่างไรดี” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้กันครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ ท่านไม่มาก็น้อยกันนะครับ